~~ ลูกลิง กลิ้งไปกลิ้งมา ~~

Monday, March 06, 2006

Being Happy

"If only we'd stop trying to be happy we could have a pretty good time."
- Edith Wharton

From Google HP Quote of The Day, Mar 6, 2006
---------------------

นั่นสินะ การพยายามสุขก็ทำให้เป็นทุกข์ด้วยเหมือนกันเหรอเนี่ย

Thursday, March 02, 2006

On email spam filtering

"... a filter that yields false positives is like an acne cure that carries a risk of death to the patient."

source: http://www.paulgraham.com/spam.html

--------------

ha ha.. funny for me. คิดได้ไงเนี่ย เห็นภาพเลย :P

Sunday, August 28, 2005

Master's VS PhD

Now that I got my Master's degree, I have to continue on PhD. I found this article in IEEE Potentials August/September 2005. It's very interesting.



Callahan says,
"The bachelor's degree proves that you can be trained,
the Master's degree indicates some expertise in your field,
and the PhD indicates your ability to become an expert in **any** field."



And the article goes on saying that PhD is like a big step from Master's. Much much more work and you have to do everything on your own.

Hmm.. hmm.. will I ever make it? Let's see.

Next next scene is beginning on this stage. Please enjoy the show.

Thursday, August 18, 2005

Done laew~~~~~

Thesis signed: Aug 18, 2005

Whee~ whee~ whee~

Now I am waiting for a thesis reader to sign it. Hope I can catch him tomorrow :D

Happy happy~~

Thursday, July 28, 2005

ไปรษณีย์จากณัฐ

ก่อนกลับบ้านณัฐได้ส่งของทางไปรษณีย์มาให้ ไอ้เราเรอะก็นึกว่าเป็นของกิน ฮ่าๆ

ที่ไหนได้ มันคือ.. มันคือ.. มันคือ.. มันคือ.. (echo หน่อย -> ขอยืมมุขเก่ามาใช้)

!! !! !! ตูม !! !! !!

ระเบิดสีชมพู
.
.
.
(หมู่นี้ข้าพเจ้าค่อนข้าง lame ขออภัย )

ความจริงมันเป็นกล่องสีชมพูน่ะ แหววมาก แหววกว่า background อันแรกของ MSN blog ของเราอีก เพราะมันเป็นกระดาษสา(หรือเปล่า)สีชมพู (กิ๊บกิ้ว) รูปหัวใจ๋ (นึกเสียงตอนเราทำเสียงเหน่อๆนะ)

เราก็นึก หวาย ณัฐน่ารักจริง ฮ่าๆ (ความจริงคิดว่า คิดได้ไงเนี่ย ไปเอามาจากไหนฟะ <= พูดเล่นนะ :P)

ก็เลยเปิดออกมาดู ปรากฎว่า

มีปากกาอยู่ 1 ด้าม

เป็นปากกาฟรีจากวัดลาวใกล้ๆ Ithaca

.
.
.
สวรรค์ล่มถล่มลงดิน ตึ้ด ตึ้ด ตึ้ด ตึ้ด(เพลงไอ้หนุ่มผมยาว)

ล้อเล่นอีกแว้ว ในกล่องนั่นน่ะ มีจดหมายน้อยกับเจ้าสองตัวนี้ด้วย



ปากกานั่นน่ะก็มีจริงๆนะ เราฝากเงินไปทำบุญที่วัดลาวไง รู้สึกณัฐจะเอาไปบริจาคให้โครงการซื้อหนังสือ หรือห้องสมุดถ้าจำไม่ผิดนะ

อ่า ต่อ จากข้อความในจดหมายน้อย เจ้าที่รดน้ำต้นไม้กะจิ๋วหลิวนี่ไม่สามารถใช้งานได้จริง แต่มันคือที่ใส่เทียน (candle holder) นั่นเอง เราชอบมากๆเลย เราชอบจุดเทียนหอมน่ะ มันช่วยลดกลิ่นกับข้าวได้มากๆเลย หอมด้วย แล้วบางทีเราก็ชอบดูเปลวเทียนด้วยนะ ในที่มืดมันสวยดี

เนี่ยกำลังคิดอยู่ว่าจะไปซื้อขี้ผึ้งกับพิมพ์มาทำเอง เพราะว่าซื้อเขามันแพงน่ะ (งกนั่นเอง) ไปดูในเว็บแล้ว มีสูตรทำเทียนลอยน้ำด้วย ถูกใจสุดๆ

อืมม นั่งยิ้มอยู่นานสองนาน แหม น่ารักจริงๆ อุตส่าห์เอาของกลับไปให้ต้นว่าน กับเอาจะเอาหนังสือกลับมาให้เราแล้ว ยังส่งของมาให้อีก หุๆ เพื่อนเรานี่ดีจริงๆ

ขอบคุณจากใจ
love you love you จ๊วบ จ๊วบ



ปล. ณัฐยังโสดค่ะ ดีขนาดนี้ มีใครสนใจไหมคะ :P

Monday, July 11, 2005

เรื่องสั้นของวินทร์

มันเริ่มมาจากเราเข้าไปอ่านบล็อกของม็อคเอสเค แล้วม็อคเอสเคก็แปะ link ไปยังเว็บไซท์ของวินทร์ เลียววาริณ กวีซีไรท์ 2 สมัยของไทย

เราได้ยินชื่อเขา และชื่องานของเขามานาน แต่เชื่อไหมว่า

เรา ไ ม่ เ ค ย แตะหนังสือของเขาเลย

เพราะอะไรน่ะหรือ มันเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าเท่าไหร่ เราก็เพิ่งรู้เมื่อกี้นี่เองว่าเราคิดไม่เข้าท่า

มันเป็นเพราะความเอียงในหัวของเราเอง

ไม่ใช่เอียงซ้าย หรือเอียงขวา หรือทิศในทั้งนั้น แต่มันเป็นความโอนเอียงไปในทางลบจากคำร่ำลือ

บางก็ว่าอ่านหนังสือของวินทร์ไม่เห็นรู้เรื่องเลย บางก็ว่าอ่านรู้เรื่องแต่ไม่รู้ว่าต้องการสื่ออะไร บางก็ว่า.. อะไรไม่รู้จำไม่ได้แล้ว

เราก็เลยมีอคตินิดหน่อยว่า โห.. คนเหล่านั้นยังอ่านไม่รู้เรื่องแล้วตูจะอ่านรู้เรื่องไหมฟะ แล้วเราก็ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรหนักหัวด้วย เลยตัดสินใจไม่อ่าน หลังจากที่เค้าดังมาหลายต่อหลายปีนัก

มาวันนี้ เราก็เกิดสงสัยว่าทำไมม็อคถึงขนาดต้องเอาเว็บของเค้ามาแปะไว้ที่บล็อกตนเลยล่ะหรือ เหมือนต้องการดูดให้คนอ่านต้องเข้าไปอ่านเว็บของวินทร์ด้วย

ก็เลยเข้าไปดู หน้าหลักของเค้าจะเป็นเขียนเหมือน blog นี่แหละ เราคิดว่านะ มีเรื่องใหม่บ่อยเหมือนกัน แล้วก็มีมุมทางซ้ายเป็น link ไปที่ต่างๆ มีตอบคำถาม หนังสือแนะนำ(วินทร์แนะนำหนังสือคนอื่น) สัมภาษณ์วินทร์ตามนิตยสารต่างๆ และที่สะดุดตาเราคือมุม "แทะหนังสือฟรี" หรืออ่านหนังสือฟรีนั่นเอง (ชอบของฟรีอยู่แว้วว) ไม่ดูไม่ได้ เราเลยเข้าไปดู เค้ามีให้อ่านเรื่องสั้นของเขาที่อยู่ในหนังสือต่างๆ ทั้งหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ได้ซีไรท์ ทั้งคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ แหม..กวีซีไรท์ทั้งที ถ้าเราไม่เคยอ่านเลย เราคงอายลูกตอนลูกถาม และขี้เกียจตอบเจ้าหนูจำไมทั้งหลายด้วยว่าทำไมเราถึงไม่อ่าน (โห.. คิดไปไกลว่าลูกจะเป็นคนช่างซัก ตูยังไม่ได้ออกเรือนเลย) เราก็เลยขออ่านซักทีแล้วกัน

เอ๊ะ เค้าก็เขียนเข้าท่านี่หว่า อ่านรู้เรื่องด้วย

ปรากฎว่า ภายใน 6 ชั่วโมงเราอ่านไป 4 เรื่องสั้น แล้ว 6 ชั่วโมงนี้ก็ไม่ใช่ 6 ชั่วโมงที่ว่างจิบน้ำชา อ่านหนังสืออ่านเล่นด้วยนะ มันเป็น 6 ชั่วโมงที่เราต้องทำงานเพื่อไปคุยกับอาจารย์ในวันพรุ่ง (อืม รู้แล้วใช่ไหม ทำไม thesis เราไม่เสร็จซักกะที แหะๆ :P ไม่ได้อู้นะ เราอ่านตอนพักสายตาจากจอ => แล้วพักมาใช้สายตาทำอย่างอื่นเนี่ยนะ เวรกรรม)

เราว่าเค้าเขียนใช้ได้ทีเดียวแหละ มีข้อคิดแฝงและเด่นชัดทุกเรื่อง แต่เราคงต้องอ่านมากกว่านี้ เพื่อที่จะบอกว่าเราชอบหรือไม่ แต่จาก 4 เรื่องที่เราอ่านนี้ ทำให้เราตั้งใจที่จะหาหนังสือเค้ามาอ่านต่อ ณัฐเป็นเหยื่อเราคนแรก หุหุ เจ้าหล่อนบอกว่ามีเรื่องอาเพศกำสรวล เดี๋ยวจะส่งมาให้ ขอบคุณหลายๆเด้อเสี่ยว

พรุ่งนี้จะรีบทำงานให้เสร็จจะได้แทะหนังสือฟรีต่อ หุหุ

...
...
...

โอ้ว เกือบลืม ลืมทิ้งข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ไว้ให้ คำพูดต่อไปนี้มัน Classic จริงๆ ใช้สอนหัวอันด้อยปัญญาของเราได้ดีเลย พ่อก็เคยพูดให้ฟัง แต่สงสัย buffer เรามัน overflow เลยทำให้ส่วนที่ควรจะเก็บเอาคำสอนของบุพพการีและปราชญ์ทั้งหลาย มันไหล ไหล ไหล ออกไปเที่ยวนอกกะโหลก

สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น
สิบตาเห็น ไม่เท่ามือคลำ
สิบมือคลำ ไม่เท่าทำเอง


ใช่ ทำเอง ทำเอง ทำเอง ทำเองสิ น้ำตาล ไม่ลองไม่รู้ นี่อะไรกัน เธอตายตั้งแต่ประโยคแรกแล้วอ่ะ ไม่ดี ไม่ดีเลยนะ แล้วยิ่งเป็นเรื่องที่ไปคิดในแง่ลบกับอย่างอื่นด้วย

ต้องฝึกคิด แล้วแก้นิสัยใหม่!!!



ปล. เราไม่ได้ว่าคนที่บอกเราว่าหนังสือของวินทร์อ่านไม่รู้เรื่องนะ เรื่องนี้เราว่าตัวเองที่ไปเชื่อคนอื่นโดยไม่คิดให้รอบคอบ เราแค่คิดว่าเรื่องบางเรื่องคนเรามีมาตรฐาน ความเข้าใจ ความชอบ และความรู้พื้นฐานต่างกัน ทำให้เราซึมซับและเห็นคุณค่า (ความจริงอยากได้คำว่า appreciate มากกว่า แต่ไม่รู้ว่าภาษาไทยตรงๆมันคือคำว่าอะไร) ของสิ่งต่างๆได้ต่างกัน ยิ่งเป็นศิลปะด้วยแล้ว เราไม่สามารถให้ทุกคนมีมาตรฐานของ "ความงาม" เดียวกันได้เลย เพราะฉะนั้นยิ่งน่าเขกหัวตัวเองที่ไปเชื่อคนอื่นอย่างง่ายดายอย่างนั้น โดยที่ยังไม่เคยได้สัมผัสกับศิลปะการเขียนชิ้นนั้นๆโดยตรง

เฮ้อ.. เซ็งตน

Monday, June 20, 2005

เพลงเก๊า เก่า

ใส่ยีนส์เก๊าเก่า รองเท้าผ้าใบ
น้ำหอมไม่ใช้ เงินไม่ค่อยมี
เซ็งๆเศร้าๆ เหงาก็ดนตรี
เป็นซะอย่างเงี้ย จะรักได้หรือเปล่าาาา

เพลงอะไรไม่รู้ ฟังมาจาก Big 103.5 น่ารักดี เลยเอามาแปะ