~~ ลูกลิง กลิ้งไปกลิ้งมา ~~

Saturday, April 02, 2005

ศีล

ฟังวิทยุอยู่ น่าสนใจ เลยเอามาฝาก รายการนี้เป็นรายการสอนธรรมะ คือเราไม่ได้ตั้งใจจะเปิด แต่ฟังแล้วก็เพลินดีนะ เค้าพูดแบบเข้าใจง่ายดีอ่ะ ตัวอย่างกับนิทานที่เค้ายกมาก็เข้าใจง่าย จำชื่อรายการไม่ได้แล้ว แต่รายการนี้อยู่ FM 103.5 ตอนตี 4-5 เวลาประเทศไทย (คือเราฟัง Big 103.5 แล้วมันจะมี break ตอนช่วงนี้เป็นรายการธรรมะ) อืมมม คนฟังธรรมะนี่ตื่นกันเช้าดีแฮะ

อืม เข้าเรื่อง เหตุที่เขียนเพราะสนใจประโยคนี้ เราไม่เคยคิด หรือได้ยินมาก่อนเลย (หรือได้ยินแต่ลืมไปแล้ว)

เค้าถามว่า ทำอย่างไรถึงได้ชื่อว่ามีศีล

คนทั่วไป(หรือเราคนเดียวหว่า)อาจจะตอบว่า ก็ไม่ทำผิดศีลไง ก็มีศีลแล้ว

แต่
มัน
ผิด
ค่ะ

เค้าบอกว่า คนเรามีศีลเมื่อเรามีเจตนา หรือตั้งใจว่าจะละเว้น ไม่ใช่แค่ไม่ทำผิดแล้วจะมีศีลนะ

แล้วมันต่างจากไม่ทำผิดศีลยังไง

มันต่างตรงที่ว่า การไม่ทำผิดศีลเนี่ยมันมี 2 แบบ แบบแรกคือ มีโอกาสให้ทำ แต่เราไม่ทำ อันนี้คือที่เราเข้าใจทั่วไป ไม่ต้องอธิบาย แบบที่สองคือ ไม่เคยต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่เราสามารถผิดศีลได้ ไม่มีโอกาสให้ทำผิด ไม่เคยเจอ ไม่เคยต้องตัดสินใจว่าเราจะทำชั่วหรือไม่ แบบนี้ไม่เรียกว่าเรามีศีล ตัวอย่างเช่นทารก ทารกไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มของมึนเมา เพราะเค้าไม่มีโอกาสได้ทำ ไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจว่าจะต้องทำดีหรือเปล่า เค้าก็เลยไม่ทำผิดศีล แต่เค้าก็ไม่ได้มีศีล แบบนี้ไม่ได้บุญ และไม่ได้บาป

อืมม ธรรมะนี่ไม่ง่ายอย่างที่คิดแฮะ

8 Comments:

  • At April 02, 2005 5:51 PM, Blogger ~*aom*~ said…

    เราโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง "การรักษาศีล vs การไม่ผิดศีล" ไว้ที่blogเรานะ :) ถ้าสนใจก็ตามไปอ่านนะ :)

     
  • At April 02, 2005 6:00 PM, Blogger ~*aom*~ said…

    oh by the way :)

    Thank you for sharing na ja :)
    It's a very good thing to share :)

     
  • At April 02, 2005 10:32 PM, Anonymous Anonymous said…

    เป็นเรื่องน่าคิด เราอาจจะไม่ละเอียดอ่อนพอแฮะ เราว่ามันก็เหมือนๆกัน

    เราไม่เห็นด้วยกับที่บอกว่าไม่มีโอกาสให้ทำชั่ว ไม่มีโอกาสให้ทำผิดน่ะ เราว่าไม่จริงเลย โอกาสทำชั่วมีอยู่เสมอ อย่างข้อสองเราไม่ขโมย ใครว่าเราไม่ขโมยเพราะเรามีจะกิน ก็ใช่ แต่ถามว่าเราขโมยได้ไหม ได้ ทำไมจะไม่ได้ ถ้าเราโลภ แต่นี่เราไม่ขโมยเพราะไม่โลภ เราถือว่ารักษาศีลได้ ส่วนข้อสาม ทุกคนมีสัญชาติญาณในการสืบพันธุ์ ถ้าไม่ได้ผิดลูกเมียผัวแฟนใคร เราถือว่ารักษาศีลได้ เอาชนะความต้องการพื้นฐานของสัตว์ได้

    โอกาสที่จะตัดสินใจว่าเราจะทำอะไรนั้น มีอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าจะชัดเจนขนาดไหนเท่านั้นเอง

     
  • At April 02, 2005 10:38 PM, Blogger o^.^oS Nu+Tarn said…

    อ่า น่าคิด มีเหตุผลๆ

     
  • At April 02, 2005 11:11 PM, Blogger ~*aom*~ said…

    ตามที่เราเข้าใจจากที่อ่านจากส่วนที่ตัดมาที่เราแปะไว้บนblogเรานะ

    อย่างแก๊ปก็น่าจะเรียกว่า"รักษาศีล"แล้วนะ..
    เพราะอย่างข้อสอง ถ้ามีของมาล่อตาล่อใจให้ขโมยแล้วไม่คิดจะชโมย ไม่แพ้ความโลภ อย่างนี้ก็เรียกรักษาศีลข้อสองได้แล้วแหละ :)

    แต่อย่างบางคนเราเห็นว่าเค้าอยู่ในฐานะที่ไม่ลำบากต้องไปขโมยใครกิน.. ถ้าเค้าตั้งใจไว้ว่าจะ "ไม่ทำผิดศีล" รับศีลมาปฎิบัติ อย่างนี้ก็เรียกว่า "ผู้สมาทานศีล"

    แต่เราก็ไม่รู้ว่าวันดีคืนดี อาจจะมีเหตุให้เค้าอยากได้ของๆคนอื่นมากๆ ยั่วกิเลสมากๆจนอยากไปเอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเองแบบผิดๆ..
    ถ้าเกิดเหตุอย่างนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเค้าจะตัดสินใจยังไง

    ถ้ายั้งกิเลสตัวเองไม่ได้.. ก็เป็นได้แค่"ผู้สมาทานศีล"เหมือนเดิม.. เพราะยังไงก็ยังเป็นคนดีที่เคยตั้งใจว่าจะรับเอาศีลมาปฎิบัติ แต่ก็ยังทำได้บ้างไม่ได้บ้าง..

    แต่ถ้าเค้าสามารถยับยั้งกิเลสของตัวเองได้.. อยากได้ก็อยากได้ แต่ก็ไม่อยากผิดศีล ก็ตัดสินใจไม่ไปขโมยของคนอื่น อย่างงี้เค้าก็คือ"ผู้รักษาศีล"

    แล้วถ้าคนๆนั้นสามารถรักษาศีลได้เป็นปกติแบบว่าออกมาจากใจ ยังไงๆก็ไม่คิดจะอยากไปได้ของๆชาวบ้าน เพราะละอายต่อบาป อย่างนี้เค้าก็เป็น"ผู้ทรงศีล"

    งงมั้ยเนี่ย ^^'

     
  • At April 03, 2005 2:40 PM, Anonymous Anonymous said…

    ไม่งงหรอกอ้อม เข้าใจว่าต้องการจะบอกไร เราแค่คิดว่ามันจะต่างอะไรกัน ไม่ทำผิดศีล กับ รักษาศีลเนี่ย เราว่าทุกคนคงเห็นด้วยว่าไม่ทำผิดก็ดีแล้ว ขอเถียงกันในแนวปรัชญาเท่านั้นนะ

    อย่างที่อ้อมยกตัวอย่างว่า ถ้าวันดีคืนดีอาจมีเหตุให้อยากได้ของคนอื่น มีเหตุให้ยั่วกิเลส และก็ตัวอย่างใน blog อ้อมน่ะ เราว่าเขาพวกนั้น ถึงจะไม่มีเหตุยั่วกิเลสใดๆ ถ้าไม่ทำผิด ก็รักษาศีลได้แล้ว

    รักษาศีลได้ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมายั่วเรานี่ มิฉะนั้นคนที่ไม่มีอะไรมายั่ว ก็คงสามารถไม่ทำผิดศีลเท่านั้น ไม่สามารถรักษาศีลได้เลยเหรอ จะมาสมมุติว่า "ถึงจะมีสิ่งมายั่วยวน ก็ไม่ทำผิด" ก็ไม่ได้อีก เพราะเป็นการสมมุติ ถ้ามีมายั่วจริงจะรักษาได้จริงหรือ ใครจะรู้

    เราว่า ณ เวลาไหน ผู้ใดไม่ทำผิดศีล ก็รักษาศีลได้แล้ว ถ้าภายภาคหน้ามีเหตุการณ์อะไรทำให้ผิดศีล (เช่นมีสิ่งยั่วยวนทั้งหลายแหล่) แล้วทำผิด ก็ถือว่าเวลานั้นเขาทำผิดศีล รักษาศีลไม่ได้ แต่ถ้าจะบอกว่าเมื่อก่อน ที่ยังไม่ทำผิด เขารักษาศีลไม่ได้ ก็ไม่ได้อีก เพราะตอนนั้นขณะนั้นเขาไม่ได้ทำผิดนี่

    เราว่าจะบอกว่ารักษาศีลได้หรือไม่ได้ ต้องบอกด้วยว่าตอนไหน แน่นอนว่าถ้ารักษาศีลได้ตอนที่มีสิ่งยั่วยุ ก็เป็นการพิสูจน์ว่าจิตใจแข็งแกร่ง แตยังไง่ก็ไม่ได้ดีมากไปกว่าคนที่รักษาศีลได้โดยไม่มีอะไรมายั่ว

     
  • At April 03, 2005 3:07 PM, Blogger ~*aom*~ said…

    อืมม เราว่าแก๊ปกะเราก็เข้าใจเหมือนกันนี่นา.. ^^'

    คนที่รักษาศีลได้ตอนที่มีสิ่งยั่วยุ ก็คือผู้รักษาศีล
    คนที่รักษาศีลได้โดยไม่มีอะไรมายั่ว ก็คือผู้ทรงศีล
    ในคนทั้งสองประเภทนี้ คำว่า ไม่ทำผิดศีล กับ รักษาศีลจะมีความหมายเดียวกัน

     
  • At April 03, 2005 3:28 PM, Blogger ~*aom*~ said…

    อืมม อีกอย่างนึง เราคิดว่ามันอยู่ที่เจตนาของคนคนนั้นด้วยอ่ะ

    คืออย่างถ้าเราไม่ทำผิดศีลเพราะมันไม่มีเหตุให้ต้องทำผิดศีล เราก็ถือว่าเรายังไม่ได้เป็นผู้รักษาศีลจริงๆ

    แต่ถ้าเราไม่ทำผิดศีลเพราะเราอยากรักษาศีลของเราให้บริสุทธิ์ อย่างนี้เราถึงจะเรียกตัวเองได้ว่าเป็นผู้รักษาศีล..

    คนคนนั้นจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเจตนาตัวเองเป็นแบบไหน คนอื่นจะดูไม่ออกหรอก..

    อย่างตัวเราเองอ่ะ.. เมื่อก่อนเราก็เป็นแค่ผู้สมาทานศีลเท่านั้นแหละ.. ^^' รับศีลห้ามา แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะรักษาไว้ให้มันบริสุทธิ์ แต่เราก็ไม่ได้ทำผิดศีลอะไรมากมายนะ บางอย่างก็เพราะมันไม่มีเหตุให้ต้องทำผิดด้วยเนี่ยแหละ..

    แต่อย่างตอนนี้ เราพูดได้เลยว่าเรากำลังตั้งใจรักษาศีลอยู่ :)

     

Post a Comment

<< Home